หนึ่งในปัญหาผิวที่หลาย ๆ คนเครียดและเป็นกังวลกัน คงหนีไม่พ้นปัญหาผิวแตกลาย ไม่ว่าจะเป็นวัยไหนล้วนมีโอกาสเกิดขึ้นได้ และไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเฉพาะคนอ้วนเท่านั้น คนผอมก็มีผิวแตกลายได้เช่นกัน โดยเฉพาะในคนตั้งครรภ์ยิ่งจะต้องดูแลผิวเป็นพิเศษ
หากมีปัญหาผิวแตกลายก็มักส่งผลให้สาว ๆ ไม่กล้าเผยผิวให้ใครเห็น เวลาจะใส่เสื้อผ้าโชว์ผิวกลับไม่กล้า จะแต่งตัวก็ไม่มั่นใจ วันนี้ Mediwelle เลยจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับปัญหานี้กันให้มากขึ้น พร้อมเคล็ดลับรักษาผิวแตกลาย ให้สามารถเผยผิวกระจ่างใสเรียบเนียนได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง
ผิวแตกลาย คืออะไร?
ผิวแตกลาย (Striae) หรือ รอยแตกลาย (Stretch Marks) คือ รอยแผลเป็นที่เกิดขึ้นเมื่อผิวหนังมีการยืดหรือหดตัวอย่างรวดเร็ว ส่งผลทำให้คอลลาเจนและอีลาสตินถูกแยกตัวออกจากกัน ผิวหนังจึงมีกระบวนการซ่อมแซมสมานตัวบริเวณรอยแยกจึงเกิดเป็นผิวที่มีรอยแตกลายขึ้นมาแทน ซึ่งจะเป็นรอยเส้นบุ๋มลงไปตามบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น สะโพก ท้อง หน้าอก น่อง
ผิวแตกลายพบได้บ่อยในผู้ที่ตั้งครรภ์เพราะผิวมีการขยายและจะเกิดรอยแตกลายขึ้นมาให้เห็นในช่วงไตรมาสสุดท้ายก่อนคลอด
ผิวแตกลาย มีลักษณะอย่างไร?
ผิวแตกลายมักจะมีลักษณะเป็นเส้นบุ๋มลงไปที่ผิว จะมีสีแดง ชมพู น้ำตาลเข้ม ม่วง หรือสีน้ำตาลแดง ซึ่งแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล และในบางรายอาจพบอาการคันบริเวณผิวร่วมได้ด้วย
ปัจจัยที่ทำให้เกิดผิวแตกลาย
หลาย ๆ คนอาจยังไม่รู้กันว่าปัจจัยที่ทำให้เกิดผิวแตกลายนั้นมีหลายปัจจัย ซึ่งส่วนใหญ่ปัญหานี้มักพบได้ในกลุ่มที่มีการยืด-ขยายของผิวหนังอย่างรวดเร็ว ดังนี้
- ผู้ที่ศัลยกรรมผ่าตัดเสริมหน้าอก
- ผู้ที่มีการใช้สารคอร์ติโคสเตียรอยด์
- ผู้ที่มีน้ำหนักลดลงและเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
- การตั้งครรภ์ โดยเฉพาะผู้ที่ตั้งครรภ์ในช่วงวัยที่อายุยังน้อยอยู่ เพราะผิวที่กระชับเต่งตึงจะถูกยืดขยายออกอย่างเฉียบพลัน ทำให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาทดแทน จึงอาจเห็นเป็นรอยแตกลายได้
- การเจริญเติบโตในวัยรุ่น จากการเปลี่ยนแปลงสรีระร่างกายอย่างรวดเร็ว
- ยีนหรือกรรมพันธุ์ หากคนในครอบครัวมีผิวแตกลาย ก็เพิ่มโอกาสที่เราเกิดปัญหานี้ขึ้นมากตามไปด้วย
- ผู้ที่ออกกำลังกายที่มีการเติบโตของกล้ามเนื้ออย่างรวดเร็ว อย่าง Weight Training และผู้ที่ใช้สารกระตุ้น
- ความผิดปกติทางพันธุกรรม เช่น โรคมาแฟนซินโดรม (Marfan syndrome) จะพบว่าผู้ป่วยจะมีอาการผอมผิดปกติ และโรคคุชชิงซินโดรม (Cushing syndrome) ส่งผลให้ผู้ป่วยอ้วนผิดปกติ
5 วิธีรักษาผิวแตกลาย
หากสาว ๆ เผชิญกับปัญหาผิวแตกลายอยู่ ไม่ต้องกังวลใจหรือเครียดไปแต่อย่างใด เพราะปัจจุบันมีวิธีบำรุงผิวต่าง ๆ รวมทั้งเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่สามารถรักษารอยแตกลายให้จางลงได้ จนแทบจะมองไม่เห็นรอยแตกลายเหล่านั้นเลย สามารถกลับมามีผิวเรียบเนียนไร้ที่ติได้อีกครั้ง ด้วยวิธีการรักษาผิวแตกลาย ดังต่อไปนี้
1. เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
การบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยดี ๆ ในการแก้ปัญหาผิวแตกลายให้จางลงได้ ซึ่งหลังจากอาบน้ำแล้ว ควรบำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์สูตรอ่อนโยนที่ช่วยมอบความกระจ่างใสและความชุ่มชื้นให้ผิว หรือสามารถทากลุ่มเจลลี่ ปิโตรเลี่ยม หรือทาวาสลีน เพิ่มความสามารถการกักเก็บน้ำในผิว ทำให้ผิวนุ่ม ไม่แห้งกร้าน
ซึ่งการมีผิวที่ชุ่มชื้นจะช่วยให้ไม่เกิดผิวแตกลายในคราวที่ผิวเกิดการขยายหรือหดอย่างรวดเร็ว ทั้งยังเสริมกระบวนการซ่อมแซมและสมานผิว ช่วยกระตุ้นให้การรักษาผิวตามกระบวนการธรรมชาติมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
2. ขัดผิว
วิธีนี้จะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายไปแล้วให้หลุดออก กระตุ้นการผลิตเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทนเซลล์ผิวเดิม โดยหลังการขัดผิวแนะนำให้ทาครีมบำรุงร่วมด้วย จะช่วยป้องกันไม่ผิวแห้งจากการขัดผิวนั่นเอง การขัดผิวนับเป็นตัวช่วยที่น่าสนใจสำหรับการแก้ผิวแตกลาย ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
- ช่วยกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมของผิว
- ช่วยให้ผิวกระชับและชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้น
- ช่วยลดจุดด่างดำ มอบความกระจ่างใสและทำให้ผิวดูสุขภาพดียิ่งขึ้น
- ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าออกไป ทำให้ผิวดูกระจ่างใส เรียบเนียน นุ่ม และสีผิวสม่ำเสมอยิ่งขึ้น
3. ใช้ว่านหางจระเข้
การใช้ว่านหางจระเข้ เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจในการลดผิวแตกลาย สามารถนำว่านหางจระเข้สดมาปอกเปลือก ล้างให้สะอาด แล้วทาลงบนผิวบริเวณรอยแตกได้เลย หรือเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดจากว่านหางจระเข้เป็นหลักก็ได้ เนื่องจากในว่านหางจระเข้มีสรรพคุณมากมายที่รู้จักกันในวงกว้าง สำหรับบำรุงผิวแตกลายหลายประการ ดังต่อไปนี้
- ช่วยลดการอักเสบของผิว และปลอบประโลมผิวได้เป็นอย่างดี
- ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ช่วยสมานแผลและกระตุ้นเซลล์เนื้อเยื่อให้เจริญเติบโต
- ช่วยลดผิวแตกลายได้ดี โดยช่วยปรับสภาพผิวให้มีความชุ่มชื้น พร้อมเพิ่มความเรียบเนียนให้ผิว
- อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนช่วยฟื้นฟูผิวและซ่อมแซมเซลล์ผิวให้กลับมาดูกระจ่างใส
- อุดมไปด้วยวิตามินที่ดีต่อผิว เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี และวิตามินบี ทำให้เกาะป้องกันผิวแข็งแรงยิ่งขึ้น
4. ควบคุมน้ำหนัก
การควบคุมน้ำหนักตัวเองให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ไม่อ้วนหรือผอมจนเกินไป ถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันผิวแตกลาย หากเรามีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างรวดเร็ว จะส่งผลทำให้ผิวหนังมีการขยายหรือหดตัวอย่างรวดเร็วเช่นกัน จึงทำให้เกิดรอยแตกลายขึ้น เพราะฉะนั้นการควบคุมน้ำหนัก รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยป้องกันการเกิดปัญหาผิวนี้ได้
5. รับประทานอาหารที่ดีต่อผิว
การเลือกรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อผิว จะเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่สามารถช่วยแก้ปัญหาผิวแตกลายได้ดี เช่น การรับประทานผัก ผลไม้ อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบำรุงผิว อย่างวิตามินเอและวิตามินอี ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการปกป้องเยื่อหุ้มเซลล์ผิวและมอบความชุ่มชื้นให้ผิว ทำให้มีกระบวนการซ่อมแซมผิวที่ดี จึงช่วยลดการเกิดปัญหาผิวแตกลายนี้ได้
สรุปบทความ
ผิวแตกลายนับว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้หลายคนหมดความมั่นใจในตนเอง จนไม่อยากเผยผิวให้ใครเห็น ปัญหานี้สามารถเกิดได้กับทุกคนไม่ว่าจะอ้วนหรือผอมและมักพบบ่อยในผู้ที่ตั้งครรภ์ รอยแตกลายนี้เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ซึ่งถือเป็นปัญหาผิวที่รักษาด้วยวิธีการตามธรรมชาติได้ยาก มีโอกาสน้อยที่เพียงแค่การทาครีมบำรุงผิวจะมอบสีผิวที่สม่ำเสมอดังเดิมได้
หากท่านใดที่กำลังประสบปัญหาผิวแตกลายอยู่ รักษาด้วยตนเองแล้วไม่หาย สามารถเข้ามาปรึกษากับทาง Mediwelle ได้เลย เรามีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มากประสบการณ์ในการรักษาคอยให้คำปรึกษา และแนะแนวทางการรักษาให้อย่างถูกวิธี รับรองได้ว่าปัญหารอยแตกลายของคุณจะหายไปในไม่ช้าได้อย่างแน่นอน