แผลเป็น ปัญหาผิวที่ไม่เพียงแต่จะทำให้สัมผัสผิวไม่เรียบเนียน มีสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอแล้ว ยังส่งผลให้ขาดความมั่นใจไม่กล้าเผยผิวบริเวณนั้น ๆ อีกด้วย ซึ่งถ้าผิวได้รับอาการบาดเจ็บใด ๆ แล้วเกิดบาดแผลก็ควรได้รับการดูแลรักษาอย่างรวดเร็วด้วยวิธีที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการเกิดแผลเป็น มิเช่นนั้นหากปล่อยทิ้งไว้นาน อาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นรักษายากได้ แต่หากใครที่มีแผลเป็นไปแล้วก็ไม่ต้องกังวลใจไป บทความนี้ได้รวบรวมวิธีการรักษาแผลเป็นไว้ให้คุณแล้ว
แผลเป็นเกิดขึ้นได้อย่างไร
แผลเป็น เกิดขึ้นจากกระบวนการรักษาบาดแผลของร่างกาย ไม่ว่าบาดแผลนั้นจะเกิดจากอุบัติเหตุ แผลผ่าตัด แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก หรือแม้แต่แผลจากการเป็นสิวบนใบหน้า เนื่องจากร่างกายจะมีการผลิตคอลลาเจนออกมาเพื่อสร้างเนื้อเยื่อและซ่อมแซมผิวที่ถูกทำลายให้ขึ้นมาใหม่ และถ้าเมื่อไหร่มีคอลลาเจนถูกผลิตออกมามากเกินไป ก็ส่งผลให้เกิดแผลเป็นในที่สุด
เมื่อร่างกายเกิดกระบวนการสมานแผลที่ไม่สมบูรณ์ ก็ย่อมส่งผลให้รอยแผลเป็น ซึ่งมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไปตามลักษณะของแผล อย่างไรก็ปัญหานี้สามารถเบาบางลงได้ด้วยการรักษารอยแผลเป็นอย่างตรงจุด แต่ก่อนอื่นเลยจำเป็นจะต้องรู้จักลักษณะแผลเป็นก่อนว่าเป็นแบบไหน? ซึ่งแผลเป็นมักจะจำแนกเป็นดังนี้
1. แผลเป็นนูน
แผลเป็นนูน หรือรอยแผลเป็นที่เกิดขึ้นเนื่องจากร่างกายผลิตคอลลาเจนในกระบวนการสมานแผลมากเกินไป ทำให้ปรากฏเป็นรอยแผลเป็นนูนตามแนวของบาดแผล
2. แผลเป็นคีลอยด์
แผลเป็นคีลอยด์จะมีลักษณะที่นูนใหญ่ผิดปกติ ซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่ร่างกายผลิตคอลลาเจนมากเกินไป และยังมีการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อแผลต่อเนื่อง ทำให้แผลเป็นขยายใหญ่เป็นวงกว้างเกินขอบบาดแผล และมีโอกาสสามารถกลับมาเป็นได้อีกแม้จะมีการผ่าตัดแผลเป็นออกไปแล้วก็ตาม
3. แผลเป็นรอยบุ๋ม
แผลเป็นรอยบุ๋มเป็นรูปแบบแผลเป็นที่พบได้บ่อยในผู้ที่มีปัญหาสิว หรือที่เรียกว่าหลุมสิวนั่นเอง เนื่องจากมีการสูญเสียชั้นไขมันใต้ผิว และร่างกายผลิตคอลลาเจนในกระบวนการสมานแผลน้อยเกินไป ทำให้ผิวไม่สามารถสมานตัวกลับมาเรียบเนียนได้
4. แผลเป็นแบบหดรั้ง
รอยแผลเป็นที่มีลักษณะย่นเข้าหากัน มีสัมผัสที่ขรุขระ ไม่สม่ำเสมอนั้น มักมีสาเหตุมาจากแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก และมักเกิดบนข้อต่อ ทำให้แผลไม่สามารถสมานตัวได้เต็มที่ จึงเกิดเป็นแผลเป็นแบบหดรั้งในที่สุด
วิธีการรักษาแผลเป็น
แผลเป็น แม้ดูเหมือนจะเป็นปัญหาผิวที่รักษายาก แต่สามารถรักษาได้ หากเลือกวิธีการดูแลรักษาที่ถูกวิธี และเหมาะกับลักษณะของแผลเป็น ซึ่งมีวิธีการรักษาแผลเป็นอยู่หลากหลายวิธีด้วยกัน ดังนี้
1. ใช้ยาทา
การใช้ยา หรือผลิตภัณฑ์เพื่อลดเลือนรอยแผลเป็นเป็นวิธีรักษาแผลเป็นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะสะดวก รวดเร็ว สามารถทำได้ด้วยตนเอง โดยกลุ่มยาที่นิยมใช้รักษาแผลเป็นก็มีอยู่หลากหลาย เช่น กลุ่มยาสเตียรอยด์ กลุ่มวิตามิน A วิตามิน E สารสกัดใบบัวบก สาร Mucopolysaccharide polysulphate (MPS) ซึ่งเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยระยะเวลาและความต่อเนื่องในการทาผลิตภัณฑ์เพื่อรักษารอยแผลเป็น
2. ฉีดสารเติมเต็ม
สารเติมเต็มประเภท HA Filler ไม่เพียงแต่จะนิยมนำมาใช้ปรับรูปหน้าแล้ว ยังสามารถนำมารักษาแผลเป็นได้อีกด้วย โดยเฉพาะแผลเป็นแบบหลุม หากมีรอยบุ๋มเห็นชัด มีการยุบตัวลงไปของผิว แพทย์ก็จะใช้สารเติมเต็มฉีดเพื่อให้ผิวบริเวณนั้นดูเติมเต็ม ตื้นและเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น
3. ใช้เลเซอร์
หากต้องการดูแลรักษาแผลเป็นเร่งด่วน เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงชัดเจน การใช้นวัตกรรมเลเซอร์รักษารอยแผลเป็นถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย ซึ่งมีเลเซอร์หลายชนิดที่สามารถรักษารอยแผลเป็น ไม่ว่าจะเป็น
– Co2 Laser ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและผลัดเซลล์ผิว ทำให้แผลเป็นดูจางลง ความนูนของรอยแผลเป็นเล็กลง
– Picosecond Laser นวัตกรรมเลเซอร์ที่สามารถช่วยจัดการแผลเป็นได้หลากหลาย ตลอดจนช่วยลดเลือนรอยแตกลาย รอยสิว หรือจุดด่างดำได้ดี
– Q Switched Nd: YAG พลังงานลงลึกถึงชั้นผิวชั้นลึก สามารถจัดการได้ทั้งปัญหาผิวที่เกี่ยวกับเม็ดสีผิว และรอยแผลเป็นต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. สักสีผิว
หากมีปัญหารอยแผลเป็นที่ทำให้สีผิวแลดูไม่สม่ำเสมอเหมือนอย่างเก่า การสักสีผิวถือว่าตอบโจทย์อย่างมาก เพราะสามารถช่วยสร้างแผลที่มีสีใกล้เคียงกับสีผิวเดิมได้ แต่อาจแลกมาด้วยอาการเจ็บปวดที่ค่อนข้างมาก เนื่องจากบริเวณแผลเป็นจะบางและไวต่อความรู้สึกมากกว่าปกติ
5. ฉายรังสี
การฉายรังสี หรือการใช้รังสีที่มีความเข้มข้นสูงสามารถช่วยปรับสภาพรอยแผลเป็นนูนให้แลดูยุบลง จางลงได้ แต่ต้องเข้ารับบริการต่อเนื่อง และอาจมีผลข้างเคียงบางประการที่ควรระวัง เช่น ผิวร้อนแดง ผิวคล้ำขึ้น ผิวแห้งเป็นขุย
6. ผลัดผิวด้วย MD
MD หรือ Microdermasion เป็นวิธีการผลัดผิวส่วนที่เป็นเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดลอกออก โดยอาศัยเกล็ดอัญมณีผลึกอะลูมิเนียมออกไซด์ในการกรอผิว ซึ่งจะเหมาะกับการรักษารอยแผลเป็นตื้น ๆ อย่างรอยหลุมสิวเท่านั้น
สรุปบทความ
แม้ว่าการดูแลรักษารอยแผลเป็นจะดูเป็นเรื่องยาก แต่สามารถจัดการได้ ซึ่งต้องอาศัยระยะเวลา ความต่อเนื่อง และการวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ก็จะสามารถเรียกคืนผิวเรียบเนียนไร้รอยแผลเป็นได้อีกครั้ง
ที่ Mediwelle เราให้บริการลดเลือนรอยแผลเป็นด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ที่เหมาะกับลักษณะแผลเป็นหลากหลายรูปแบบ ทั้งแผลเป็นนูน หลุมสิว รวมถึงรอยดำต่าง ๆ เช่น
- Tixel โปรแกรมที่มอบผิวใหม่ให้เรียบเนียน ด้วยเทคโนโลยีการแพทย์ใหม่ล่าสุด ที่ช่วยลดเลือนรอยแผลเป็นและรักษาหลุมสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้สึกเจ็บระหว่างทำน้อยกว่า
- Medlite C6 นวัตกรรมเลเซอร์ระดับ Gold Standard ที่ไม่เพียงแต่จะโดดเด่นในด้านการดูแลปัญหาเม็ดสีผิว เช่น ฝ้า กระ จุดด่างดำได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังมีส่วนช่วยรักษารอยแผลเป็นต่าง ๆ ได้ดีอีกด้วย โดยอาศัยพลังงานเลเซอร์ 2 ชนิด ได้แก่ ความยาวคลื่น 532 นาโนเมตร ดูแลผิวชั้นบน และความยาวคลื่น 1,064 นาโนเมตร ดูแลผิวชั้นลึก
สำหรับใครที่กังวลรอยแผลเป็น สามารถปรึกษา Mediwelle ได้ที่ 02-253-2465 หรือทาง Line: @mediwelle เราพร้อมให้คำปรึกษาอย่างจริงใจโดยทีมงานที่มีประสบการณ์และความชำนาญด้านความงาม ฟื้นฟูสุขภาพ และชะลอวัยโดยเฉพาะ